Why Nostr? What is Njump?
2023-10-13 06:53:54

Learn Bitcoin before you have to

ศึกษาบิตคอยน์ซะ ก่อนที่ความจำเป็นจะบีบรัดหรือฆ่าคุณ

image

ตั้งแต่ช่วงปี 2021 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันที่ผมกำลังเขียนบทความนี้คือเดือนตุลาคม 2023 เป็นระยะเวลาเกือบๆ 3 ปี ที่ตลาดบิตคอยน์เข้าสู่ตลาดหมี (Bear market หรือ Bitcoin winter)

ผู้ที่เข้าใจ บิตคอยน์ รวมถึงบุคคลผู้ซึ่ง บิตคอยน์เนอร์ (Bitcoiner) นับถือเป็นอาจารย์และถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับมันให้แก่คนไทยมาตลอด จะพูดเสมอว่าเป็นช่วงที่ดีสำหรับการเรียนรู้ ทำความเข้าใจพื้นฐานว่ามันคืออะไร มันทำงานอย่างไร รวมถึงการเก็บรักษามันด้วยตัวเองอย่างไร

ผมรู้จักบิตคอยน์ตั้งแต่ต้นปี 2017 แต่ไม่ได้รู้จักมันในฐานะแหล่งเก็บรักษาความมั่งคั่ง (Store of wealth) หรือเงินที่ดี (Sound money) นะครับ ผมรู้จักมันในฐานะตัวกลาง (Medium of exchange) ที่ทำให้ผมสามารถส่งเงินไปเสี่ยงโชคบนเวบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงของต่างประเทศ (เวบตระกูล high yield investing program หรือ HYIP) โดยไม่ถูกกีดกันด้วยข้อจำกัดการโอนเงินข้ามประเทศ ผมเริ่มต้นด้วยเงินหลักพัน ทดลองซื้อบิตคอยน์บนเวบกระดานเทรด (exchange) ในตำนาน bx.in.th

image

หน้าตาของ BX กระดานเทรดในตำนาน

ชวนคุยกันสำหรับใครที่เป็นชาว 2017 หรือคนใหม่ที่ไม่เคยสัมผัส BX มาก่อน คิดว่ายังคงจำกันได้นะครับเวลาโอนเงินบาทเข้าไปสมัยนั้นมันยังไม่มี QR code ต้องทำเองแบบ manual ทุกขั้นตอน เมื่อโอนเสร็จต้องอัพโหลดสลิปโอนเงินเป็นหลักฐานเข้าไป แล้วรอให้ทีมงานตรวจสอบ ก่อนเงินจะเข้าไปซื้อขายได้ จะช้าหรือเร็วก็แล้วแต่จำนวนลูกค้าที่ต่อคิวทำรายการ เผลอๆทางเวบจะให้เราโอนยอดที่มีเศษสตางค์เข้าไปบางครั้งเพื่อความง่ายในการตรวจสอบ ก็สนุกดี แต่ก็ต้องก้มๆเงยๆเช็คยอดตัวเลขอยู่ตลอด

ถึงแม้ว่าผมจะขาดทุนหลักหมื่นจากเวบ HYIP มา แต่ก็ได้ประสบการณ์การใช้งานที่เห็นถึงเวทย์มนต์ของบิตคอยน์และเทคโนโลยีบล็อคเชน

การโอนบิตคอยน์ไปยังปลายทาง ผมได้เรียนรู้อีกว่าการโอนออกจาก exchange เสียค่าธรรมเนียมสูง เหตุการณ์ก็นำพาให้ผมไปรู้จัก mobile wallet ที่ชื่อว่า BRD wallet เลยเปิดประสบการณ์การถือบิตคอยน์ ด้วยตัวเอง (ตอนนั้นยังไม่รู้จักคำว่า custodial กับ non-custodial wallet) มันบีบบังคับให้ผมต้องเรียนรู้เรื่องความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (cyber security) อย่างเร่งด่วนตามมา ด้วยความหวาดระแวงกลัวโทรศัพท์โดนแฮค ผมใช้ BRD wallet ตัวนี้แหละในการรับ-ส่ง บิตคอยน์ เรียนรู้การดู transaction ID , transaction hash ถึงจะไม่เข้าใจทุกบรรทัด แต่ก็พอจะดูเส้นทางการโอนเงินที่โปร่งใส ตรวจสอบได้แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในระบบการเงินแบบเดิมบนโลกใบนี้

ทุกวันนี้ผมยังเก็บ recovery seed ของ BRD wallet นี้อยู่เลยครับ พอเอาไป recover ก็ยังเห็นเส้นทางการเงินที่ส่งเงินไปเสี่ยงบนเวบ HYIP อยู่เลย เอาไว้ดูเพื่อเตือนสติถึงอดีตที่เคยผิดพลาด สูญเสียบิตคอยน์ไปกับการเล่นซนสมัยก่อน

image

หน้าตาของ BRD wallet

แน่นอนว่าเวบ HYIP ไม่เปิดเผยตนเองอยู่แล้วว่าตั้งอยู่ที่ประเทศใด แต่การโอนเงินข้ามประเทศนี้สิ้นสุดธุรกรรม (Finality) ภายใน 10 นาที ผมยังจำได้ว่าครั้งแรกที่โอนบิตคอยน์เข้าไปบนเวบ HYIP ผมกดโอนเสร็จไปอาบน้ำ ยังไม่ทันอาบน้ำเสร็จ มีอีเมล์แจ้งเตือนจากเวบปลายทางว่าเงินไปถึงแล้ว

แรกเริ่ม BRD wallet ตามคำบรรยายบน Google playstore บอกว่าเขียนขึ้นโดยบริษัทในประเทศสวิสเซอร์แบนด์ ผมยังเชื่อแบบปล่อยไก่เลยว่า เงินของผมต้องปลอดภัยอยู่ในธนาคารสวิสแน่ๆ ผมยังเคยปล่อยไก่แบบหมดทั้งเล้าว่าอยากเร่งธุรกรรมให้มันเสร็จเร็วๆ บางทีมันก็นานเกิน 10 นาที โดยการสลับสัญญาณมือถือจาก 4G และ Wifi เนตบ้าน แล้วเอาตัวเองไปเดินใกล้ router ให้มากที่สุดมาแล้ว ใครเคยเป็นแบบผม เราคือเพื่อนกัน (ตอนนั้นยังไม่รู้จักเรื่อง blocktime และ difficulty adjustment algorithm)

ผมอาจจะโชคดีที่ไม่เคยมีประสบการณ์โอนเงินเข้าผิด address จนเงินหายเข้าหลุมดำไป

ในปี 2017 ผมยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วบิตคอยน์คืออะไรกันแน่ แต่สำหรับผมในตอนนั้น ผมถือว่ามันเป็นตัวกลางและเป็นเงินที่เจ๋งมาก น่าจับตามอง ในปี 2018 ผมก็คงจะเป็นเหมือนใครหลายๆคนที่ไม่เคยศึกษาบิตคอยน์อย่างจริงจังและลึกซึ้ง cycle ของ บิตคอยน์เข้าสู่การปรับฐานครั้งใหญ่ (Correction) ตามประวัติศาสตร์ “Boom and Bust cycle” ผมเห็นโพสในเฟสบุคต่างๆว่า “บิตคอยน์ ถึงจุดจบแล้ว และกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ 0 USD จนไม่เหลือมูลค่าใดๆอีกแล้ว” แหล่งข่าวทั้งหลายต่างอ้างถึงบทวิเคราะห์ของธนาคารยักษ์ใหญ่ฝั่งตะวันตกที่ออกโรงรุมกระทืบกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ตลาดบิตคอยน์นองเลือด เทรดเดอร์มากมายที่ไม่มีวิชาความรู้ต่างพอร์ตระเบิดถูกล้างพอร์ตกันตามๆกัน ผู้คนที่แห่เข้ามาซื้อที่ราคาแพงพากันติดดอย จนทำให้กระแสความคึกคักบนโลกบิตคอยน์หายเงียบไปแบบไร้ตัวตน


เพื่อนๆว่าเหตุการณ์มันฟังดูคุ้นๆมั้ยครับ เหมือนกันทุกรอบ


ผมเข้ามารู้จักบิตคอยน์จริงๆจากบทสัมภาษณ์ของคุณทอป จิรายุส (ทอป บิทคับ) ผ่านรายการ “ถามอีกกับอิก” และรายการ Money Chat Thailand ในช่วงกลางปี 2019 โดยบังเอิญ ขณะนั่งรถโรงพยาบาลไปส่งคนไข้ที่ต่างจังหวัด (Refer คนไข้)

image คลิปเต็มLinkอยู่นี่ครับ

ผมฟังไม่เข้าใจหรอกครับว่าการ halving มันคืออะไร ได้แต่ฟังตามไปแบบงงๆ แต่ก็ทึ่งว่า “เฮ้ย มันมีคนที่เขาเข้าใจบิตคอยน์อยู่นะ” มันทำให้ผมเริ่มกระเตื้องตัวเองขึ้นมาศึกษา แล้วด้วยบุญเก่าหรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้ผมมาพบ - CDC Bitcoin talk ตอนที่ 51 นี่คือจุดแรกเริ่มที่ผมกินยาส้ม และกระโดดลงโพรงกระต่าย - รายการของพี่บิท สมัยแรกยังเป็นรายการ Bit investment สีฟ้าอยู่เลย - คุณลุงโฉลก

หลังจากติดอาวุธสะสมความรู้ ผมสวมหมวก 2 ใบ เวลามีส่วนร่วมกับบิตคอยน์ 1. ผมเป็นเทรดเดอร์ สายกราฟ (Technical analysis) แต่ผมก็ไม่ได้เทรดเก่ง แค่ประคองตัวให้รอดได้เฉยๆ ผมมาสรุปจบที่ระบบ action zone เขียวแดงของคุณลุงนี่แหละครับ ผมมีแผนจะเขียนบทความเส้นทางการเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากที่ได้ศึกษาบิตคอยน์ ฝากติดตามด้วยนะครับ <!-- ถ้าเขียนเสร็จมา update แปะ link ด้วย --> 2. เก็บออมในบิตคอยน์ ยิ่งบิตคอยน์เป็นเงินที่เราสามารถถอนมาเก็บเองได้ มันยิ่งให้ความรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของที่แท้จริง ไม่ต้องฝากใครเก็บ มันเป็นเงินที่ดี (Sound money) และเป็นแหล่งเก็บมูลค่าที่ดี (Store of wealth) ได้ เท่านี้ก็ดีเพียงพอแล้วครับ จากประสบการณ์ปี 2017 ทำให้การโอนบิตคอยน์ออกมาเก็บเองใน HW wallet เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับผม ตอนนี้ผมก็มาอยู่ใน lightning network สูดอากาศบน #ทุ่งม่วง ตั้งใจศึกษาแล้วกระโดดเข้ามาเล่น ก็พอจะใช้งานได้แล้วในฐานะ user ทั่วๆไป

ขอเล่าเหตุการณ์จริงในที่ทำงานของผมบ้างนะครับ

เพื่อให้เห็นภาพว่าทำไม คำว่าศึกษาซะก่อนที่ความจำเป็นจะบีบรัดหรือฆ่าคุณ ถึงสำคัญมาก และทำให้ผมตัดสินใจมาเขียนบทความนี้

โรงพยาบาลที่ทำงานของผม มีความพยายามในการผลักดันให้บุคคลากรแพทย์และพยาบาล เลิกใช้แบบฟอร์มที่เป็นกระดาษในการบันทึกอาการของคนไข้และคำสั่งการรักษา เปลี่ยนมาเป็นระบบคอมพิวเตอร์ 100% โดยมีการปรับเปลี่ยนและรณรงค์กันมาตั้งแต่ปี 2020 แน่นอนว่ามีคนที่พร้อมปรับเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งใหม่ๆไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลง ได้เรียนรู้เห็นปัญหาของโปรแกรมที่ยังไม่สมบูรณ์และขอให้ทางบริษัทโปรแกรมทยอยแก้ไขอัพเดทให้ไปด้วยกัน แน่นอนว่าผมเป็นหนึ่งในคนที่เกาะ new S curve นี้ไปพร้อมๆกับทิศทางขององค์กร

ในขณะที่มีผู้ไม่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงที่ยังคงเคยชินอยู่กับการเขียนลงในกระดาษแบบเดิม

ในการประชุมร่วมกับผู้บริหารประจำในแต่ละเดือน ที่ประชุมรวมทั้งผมเห็นควรว่าทางองค์กรจะต้องมีความเด็ดขาดได้แล้ว ถ้าหากต้องการให้การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ 100% สำเร็จ สุดท้ายเมื่อการเตรียมการทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ครบถ้วน ทางบอร์ดบริหารเคาะคำสั่งสายฟ้าแลบ ให้ยุติการใช้ระบบบันทึกด้วยกระดาษทันที โดยมีเวลาเฮือกสุดท้ายให้เตรียมใจเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หลายๆคนคงคิดภาพออกนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้น

อีกเหตุการณ์ที่ใกล้ตัวเพื่อนๆพี่ๆมากขึ้น

เวลาไปซื้อของที่ตลาด จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า - บางร้าน มี POS machine - บางร้าน แปะ QR code พร้อมพ์เพย์ - บางร้าน รับเฉพาะเงินสด ปฏิเสธการโอนเงินเสียงแข็ง

คงเดาภาพไม่ยากนะครับ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น


ข้อคิดที่อยากแบ่งปันกับทุกท่านที่อ่านมาจนจบ 1. ไม่ว่าจะทำอะไรหรือลงทุนกับอะไร ศึกษาให้เข้าใจละเอียดที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ไฝ่อาจารย์หาผู้รู้ที่เราสามารถขอคำชี้แนะคำปรึกษาในเรื่องที่เราสนใจได้ และเอาตัวไปอยู่ในบรรยากาศเพื่อนๆที่สนใจในเรื่องเดียวกันกับเรา จะได้รับมุมมองข้อมูลครบด้าน ถ้าดีที่สุดจะต้องเป็นกลุ่มที่พร้อมจะช่วยเหลือแบ่งปันกันอย่างจริงใจ สำหรับผม #ทุ่งม่วง นี่แหละครับ

  1. การศึกษาแค่ทฤษฎีเพียงอย่างเดียวไม่พอ หากไม่ลงมือทำ มันก็ไม่เกิดการเรียนรู้ ไม่เกิดการลองผิดลองถูก ไม่เกิดข้อผิดพลาด ยังไงๆก็ไม่มีทางเก่งได้จากการฟังเพียงอย่างเดียว (Skin in the game) นอกจากคุณจะเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์อันนั้นจริงๆ

  2. ทุกวันนี้มีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาแทบจะทุกวินาที หากหยุดนิ่งอยู่กับที่ อาจถูกทิ้งตกขบวนได้ แต่เราก็ไม่สามารถจะไปตามติดในทุกๆเรื่องได้ ขอให้หาให้เจอว่าเราสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ หากทำได้ก็ควรลงลึกไปในด้านที่เราสนใจให้มากที่สุด “คุณควรจะรู้บางอย่างในทุกๆด้าน แต่คุณควรจะต้องรู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจ (You should know something about everything BUT You should know everything about something)” - Mr.Jonathan Liddel คุณครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติ Denla British School ให้สัมภาษณ์กับรายการ The secret sauce ของคุณเคน นครินทร์

  3. ทักษะที่สำคัญของคนในยุคนี้ไม่ใช่เพียงแค่ upskill (เพิ่มทักษะ) กับ reskill(เรียนรู้ทักษะเดิมให้ลึกซึ้ง) แต่ทักษะที่สำคัญกว่ามากๆคือ “The ability to unlearn and relearn things” (ความสามารถที่จะปล่อยความรู้เก่าที่ใช้ไม่ได้แล้ว และเรียนรู้สิ่งใหม่หรือสิ่งเดิมในมุมมองใหม่) - ทอป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (ทอป บิทคับ)

  4. ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะเปลี่ยน คุณจะโดนบีบบังคับบดขยี้ให้เปลี่ยนแต่ในวันอาจจะสายเกินไปแล้ว

ตอนนี้เพื่อนๆพี่ๆที่อ่านจนถึงตอนนี้ มีทักษะหรืออะไรที่อยากทำมั้ยครับ? มาเริ่มทำไปด้วยกันเถอะครับ เราจะเก่งขึ้นดีขึ้นในทุกๆวันไปด้วยกันครับ

Author Public Key
npub139r6j3fhhhxjucksksxm2a3kan3sx3dq7c7gq66npf03lxlu7cnqq9d68j