อ่านที่นี่ https://w3.do/4ZRaTkF_
#Siamstrเรื่องราวของ Didier Somnuke บิตคอยเนอร์ชาวไทย และเส้นทางการเดินทางของเขาในโลก Bitcoin
บทความต้นฉบับโดย Win Ko Ko Aung
27 สิงหาคม 2024 / เผยแพร่บนเว็บไซต์ Bitcoin Magazine
ในแวดวง Bitcoin ทั่วโลกที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มักจะมีอคติจากชาติตะวันตกครอบงำเรื่องเล่าต่างๆ ทำให้มองข้ามเรื่องราวอันหลากหลายจากทั่วทุกมุมโลก
หนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้นคือเรื่องของ Didier Somnuke เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในใจกลางกรุงเทพฯ เมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 22.8 ล้านคนในปี 2023 แซงหน้าเมืองใหญ่ๆ อย่างปารีส ลอนดอน และนิวยอร์ก
แม้ว่าประเทศไทยจะประสบปัญหาหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงถึง 16.37 ล้านล้านบาท (463 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หรือ 90.8% ของ GDP เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 14 ล้านล้านบาทในปี 2019
Didier Somnuke เกิดในจังหวัดยะลา ที่ซึ่งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นความจริงอันโหดร้าย ภาคใต้ของไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ยากจนที่สุดของประเทศ โดยมีอัตราความยากจนอยู่ที่ 34% เทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศที่ 6% อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารโลก
ยะลาต้องเผชิญกับความไม่สงบมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ปี 2004 ความรุนแรงนี้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 7,000 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 13,500 คน
ดังคำกล่าวของคนไทยที่ว่า "ทวงสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดีกลับคืนมา"
ในปี 2012 Didier ตัดสินใจอำลาบ้านเกิดที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ โดยหวังว่าการศึกษาจะเป็นแสงสว่างนำทางไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ในเวลานั้น Bitcoin และแนวคิดทางการเงินยังเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับ Didier เขาใช้ชีวิตอย่างคุ้นเคยบนท้องถนนที่คึกคักของกรุงเทพฯ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท และเข้าสู่โลกแห่งการทำงานประจำ สำหรับคนที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างจังหวัด นี่ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญ
Didier นึกถึงคำพูดของอาจารย์ที่เคยสอนว่า "เมื่อคุณแก่ตัวลง คุณจะมีเวลาและเงิน แต่คุณจะไม่มีแรงที่จะเริ่มต้นธุรกิจ ถ้าอยากทำอะไร ก็จงลงมือทำซะ" ด้วยคำแนะนำนี้ Didier จึงลาออกจากงานประจำที่แสนน่าเบื่อหลังจากผ่านไปเพียงหนึ่งปี และเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต
Didier ยืมเงิน 50,000 บาท (ประมาณ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ) จากพี่ชาย เพื่อเปิดร้านขายเบอร์เกอร์ข้างทาง เขาเลือกที่จะเริ่มต้นธุรกิจเบอร์เกอร์เพราะคิดว่ามันง่าย และใช้เงินลงทุนไม่มาก
ด้วยความทะเยอทะยาน และแรงบันดาลใจจากพลังงานอันพลุ่งพล่านของกรุงเทพฯ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เขาใช้เวลาประมาณหนึ่งปีในการพัฒนาสูตร และเริ่มต้นธุรกิจในปี 2015
ในช่วงสามถึงสี่ปีแรก เขาบริหารจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองในฐานะผู้ประกอบการรายย่อย และรายได้ของเขาก็ต่ำกว่าเงินเดือนที่เคยได้รับจากงานประจำ หลายครั้งที่เขาสงสัยว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือไม่ ที่ลาออกจากงานมาทำธุรกิจที่สร้างรายได้น้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปห้าปี ทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น ยอดขายของร้านเริ่มเพิ่มขึ้น และ Didier ก็เริ่มจ้างพนักงาน
เขาสารภาพว่า "ผมเข้าสู่ตลาดคริปโทด้วยความโลภ สิ่งที่ผมต้องการคือรวยเร็ว"
ในปี 2017 เขาและเพื่อนๆ ได้รวบรวมเงินกันซื้อเครื่องขุด ASIC สามเครื่องจาก Bitmain เพื่อลองขุด Bitcoin และ Altcoins เช่น Litecoin และ Dogecoin พวกเขาได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนภายในหกเดือน
Didier ซื้อ Bitcoin ครั้งแรกในต้นปี 2017 เพื่อซื้อเครื่องขุด ASIC เหล่านั้น แต่เขาไม่รู้วิธีโอน Bitcoin จึงต้องใช้การโอนเงินผ่านธนาคารแทน
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ในช่วงแรกๆ เขาเล่าว่า..
"Bitcoin ก้อนแรกของผมค่อยๆ ถูกเปลี่ยนเป็น Shitcoins ในช่วงตลาดกระทิง ผมโชคดีมาก ผมได้กำไร 100% เกือบทันทีที่ซื้ออะไรก็ตาม"
แม้จะไม่มีความรู้เรื่องคริปโทเคอร์เรนซีเลย แต่เขาก็เริ่มมั่นใจในตัวเอง และกลายเป็น "Super Shitcoiner" โดยไม่สนใจ Bitcoin มากนัก
กลางปี 2017 เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Leverage และการเทรด กำไรของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่โชคก็ไม่ได้เข้าข้างเขาไปตลอด
ต้นปี 2018 ตลาด Crash เขาขาดทุนกว่า 1 ล้านบาท (เกือบ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ในขณะที่เงินทุนเริ่มต้นของเขาอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท (ประมาณ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสูญเสีย Shitcoins ทั้งหมดจาก Mining Pool ที่เขาฝากไว้
อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเขาตรวจสอบบัญชี Shitcoins ทั้งหมดที่เขามีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐก็หายไป ประกาศบนเว็บไซต์ Mining Pool ที่ชื่อว่า "Hash-to-Coin" ระบุว่า หากเก็บเหรียญไว้กับพวกเขานานกว่าสามเดือน จะถือว่าเป็นการบริจาค
เขาพูดด้วยความผิดหวังว่า "ผมสูญเสียทุกอย่าง" แต่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ "ผมไม่ได้โทษ Bitcoin ผมยังคงมองว่ามันคืออนาคต ผมโทษตัวเอง ผมไม่รู้อะไรเลย และผมใช้ Leverage มากเกินไป"
เขาเน้นย้ำว่า แม้จะประสบกับความสูญเสียทางการเงินอย่างหนัก แต่แฟนสาวของเขาก็ไม่ได้ทิ้งเขาไป..
"แฟนผมเป็นลูกค้าประจำ เธอมาซื้อเบอร์เกอร์เป็นประจำ ผมเจอเธอตอนที่ผมกำลังลำบากทางการเงิน ในช่วงแรกๆ ที่เป็นผู้ประกอบการ เธอสนับสนุนผม และบอกว่าเราสามารถหาเงินคืนได้"
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพลิกสถานการณ์ เขาได้ค้นพบคุณพิริยะบน YouTube และเริ่มติดตาม Live Stream เกี่ยวกับ Bitcoin อย่างจริงจัง นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเข้าใจอย่างแท้จริงว่า Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีคืออะไร
ด้วยความรู้ใหม่นี้ เขาเริ่มมอง Bitcoin เป็นเทคโนโลยีสำหรับการออม มากกว่าเครื่องมือในการเทรด
หลังจากนั้นสามปี Didier ก็สามารถกู้คืนจากความสูญเสีย และกลับมาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เขากลายเป็นเพื่อนกับคุณพิริยะ และร่วมกันก่อตั้งบริษัท Right Shift เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหาเกี่ยวกับ Bitcoin ในรูปแบบภาษาไทยผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมถึง Nostr โดยใช้แฮชแท็กยอดนิยมอย่าง #siamstr
พวกเขาร่วมกันแปลหนังสือ "The Bitcoin Standard" และ "The Fiat Standard" เป็นภาษาไทย ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีในประเทศไทย พวกเขาจัดงาน Bitcoin Thailand Conference ครั้งแรกในปี 2023 และกำลังเตรียมจัดงานครั้งต่อไปในเดือนกันยายน 2024
ปัจจุบัน Didier รับชำระเงินด้วย Bitcoin ในร้านเบอร์เกอร์หลักของเขา ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สาขา
เขาใช้ Wallet of Satoshi ในการรับชำระเงิน ภายในหนึ่งปีหลังจากเริ่มต้นโครงการนี้ เขารับชำระเงินด้วย Bitcoin ไปแล้วกว่า 3 ล้าน Sats แม้ว่าในตอนแรกเขาคาดหวังว่าจะมีธุรกรรม Bitcoin มากกว่านี้
ในตลาดที่เขาขายของ บางครั้งเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กข้างๆ ก็ถามเขาเกี่ยวกับ Bitcoin เพราะเห็นโปสเตอร์ Bitcoin ขนาดใหญ่ในร้านของเขา แต่พวกเขามักจะหมดความสนใจเมื่อ Didier อธิบาย
จากประสบการณ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จหลายครั้ง ตอนนี้เขาจึงมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้ทางออนไลน์ ซึ่งเขาสามารถเข้าถึงผู้คนที่พร้อมจะเปิดรับนวัตกรรมได้มากกว่า
ในปี 2022 มีคนไทยประมาณ 8.4 ล้านคน คิดเป็น 12% ของประชากร ที่ใช้คริปโทเคอร์เรนซี มีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2028 จำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 17.67 ล้านคน คิดเป็น 25% ของประชากร
ระหว่างการสนทนาของเรา Didier อ้างว่ามีผู้ใช้ Bitcoin ในประเทศไทยประมาณ 50,000 คน และคาดการณ์ว่ารัฐบาลไทยอาจเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการใช้งาน Bitcoin เช่น การบังคับใช้ KYC Wallet เพราะพวกเขาไม่ชอบระบบการเงินที่ควบคุมไม่ได้
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด Didier ยังคงยืนกรานว่า เขาจะยังคงสนับสนุน Bitcoin ต่อไปกับเพื่อนๆ ของเขา
"มันไม่ใช่ทางเลือก" เขายืนยัน "แต่มันคือทางรอดเดียว"
