Hipknox on Nostr: ...
มวลสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเป็นพลังงาน และพลังงานสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเป็นมวล พลังงานจะไม่มีวันหายไปไหน มันเพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบไปมาเท่านั้น พลังงานในเอกภพจะหมดไปก็ต่อเมื่อเกิดปรากฏการณ์ Heat Death ที่จะเป็นเพียงจุดจบรูปแบบหนึ่ง จากอีกหลาย ๆ ทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์อนุมานถึงจุดจบของเอกภพที่อาจจะเกิดขึ้นในอีกหลายล้านปีข้างหน้า
ถ่านหินหรือน้ำมัน เชื้อเพลิงคุณภาพสูงที่ตัวของมันมี entropy ที่มีความเสถียรในการรักษากักเก็บพลังงาน พวกเราสามารถนำเอาพวกมันมาให้พลังงานความร้อนเพื่อที่จะกระตุ้นการปลดปล่อยพลังงานความร้อนที่สูงมากขึ้นกว่าเดิมจากการแตกตัวของพวกมัน ให้พวกเราได้นำเอาพลังงานความร้อนสูงเหล่านี้ไปใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักรกลที่สร้างความศิวิไลซ์ให้กับมนุษยชาติ
แม้แต่ในมนุษย์เองที่ร่างกายของเราก็ประกอบขึ้นจากมวลของธาตุชนิดต่าง ๆ สิ่งที่เล็กที่สุดเท่าที่นักฟิสิกส์ได้ค้นพบคืออนุภาคมูลฐาน องค์ประกอบที่เล็กที่สุดที่เป็นฐานรากของทุก ๆ สรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ภายใต้เอกภพนี้ “ควาร์ก” พวกมันทั้งสามโคจรเป็นวงโคจรอยู่รอบตัวของมันเองด้วยความเร็วที่เข้าใกล้ความเร็วแสง พลังงานจลน์ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่ากับขีดจำกัดของกฎฟิสิกส์นี้ ดำรงอยู่ภายในตัวของพวกเราทุก ๆ คน
พวกมันไม่ได้หลุดออกจากกันถึงแม้จะมีระดับพลังงานที่สูงอย่างมาก ด้วยการยึดเหนี่ยวเอาไว้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มภายใต้กรอบแคบ ๆ ที่เรียกว่า “นิวตรอน” และ “โปรตอน” สิ่งที่ถูกเรียกรวมกันว่า “นิวคลีออน” นี้ และมันคือสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของธาตุต่าง ๆ ที่มวลของพวกมันจะหลอมรวมกันเป็นร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์จึงมีทั้งมวลและพลังงานอยู่ในตัวของตัวเองไม่ต่างจากเชื้อเพลิงเหล่านั้น
พลังงานความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงถ่านหินหรือน้ำมัน พวกมันเพียงแค่เปลี่ยนรูปจากวัตถุที่มีของแข็ง หรือในสถานะของ ๆ เหลวที่ดวงตาของมนุษย์สามารถมองเห็น ไปเป็นพลังงานความร้อนที่ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักรกล โดยพลังงานเหล่านั้นจะเปลี่ยนรูปไปสู่มวลของผลผลิตที่เครื่องจักรเหล่านั้นจะผลิตออกมา
เช่นกันกับร่างกายของมนุษย์ ในขณะที่พวกเราได้ทำงาน และสร้างผลผลิตต่าง ๆ ออกมา แม้แต่งานศิลปะภาพวาดหรืองานประติมากรรม พวกเราก็ได้ใช้พลังงานในร่างกายของเรา เปลี่ยนรูปแบบของมันในรูปของพลังของกายไปเป็นภาพวาดหรืองานแกะสลัก พวกเราใช้พลังงานในร่างกายของเราผลิตเป็นผลงานศิลป์ออกมา พลังงานของเราจึงเปลี่ยนจากที่อยู่ภายในร่างกายไปสู่ผลงานที่เราเป็นผู้ที่สร้างขึ้น
ถึงแม้ว่ามนุษย์จะตายจากไป เช่นเดียวกันกับเชื้อเพลิงที่ถูกเผ่าไหม้จนหมด มวลของร่างกายที่แหลกสลายไปตามการเวลา พลังงานที่จะกระจัดกระจายไปในห่วงของเอกภพ สิ่งที่จะดำรงอยู่ คือผลงานที่พวกเราได้สร้าง ภาพวาดหรืองานประติมากรรมที่จะเก็บกักพลังงานของเราเอาไว้ในรูปแบบมวลของวัตถุ จะยังคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีพลังงานรูปแบบอื่น ๆ มากระทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง
พลังงานไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ในช่วงเวลาที่มันเปลี่ยนรูป พวกเราที่เป็นมนุษย์ไม่ได้ทำการสังเกตพวกมันอยู่ก็เท่านั้นเอง และด้วยขีดจำกัดของมนุษย์ที่ไม่สามารถนำเอาพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ภายใต้เอกภพนี้มาใช้ พวกเราแค่ปิดกันตัวเองจากสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด ให้มันเป็นเพียงสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัดสำหรับเรา
#Siamstr
https://youtu.be/rnP1GlCUais?si=zSHziLRKi6SI2gPhPublished at
2024-03-04 07:26:54Event JSON
{
"id": "c5e3245204f9d5ba1186e90a2911044463e627451af834e10fa8ec2b5c7db902",
"pubkey": "0bd1f20c47a4f87d232cfdc70415710a29cb8ee08c10e96c87d880fb3cbb8bc2",
"created_at": 1709533614,
"kind": 1,
"tags": [
[
"t",
"Siamstr"
]
],
"content": "มวลสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเป็นพลังงาน และพลังงานสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเป็นมวล พลังงานจะไม่มีวันหายไปไหน มันเพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบไปมาเท่านั้น พลังงานในเอกภพจะหมดไปก็ต่อเมื่อเกิดปรากฏการณ์ Heat Death ที่จะเป็นเพียงจุดจบรูปแบบหนึ่ง จากอีกหลาย ๆ ทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์อนุมานถึงจุดจบของเอกภพที่อาจจะเกิดขึ้นในอีกหลายล้านปีข้างหน้า\n\nถ่านหินหรือน้ำมัน เชื้อเพลิงคุณภาพสูงที่ตัวของมันมี entropy ที่มีความเสถียรในการรักษากักเก็บพลังงาน พวกเราสามารถนำเอาพวกมันมาให้พลังงานความร้อนเพื่อที่จะกระตุ้นการปลดปล่อยพลังงานความร้อนที่สูงมากขึ้นกว่าเดิมจากการแตกตัวของพวกมัน ให้พวกเราได้นำเอาพลังงานความร้อนสูงเหล่านี้ไปใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักรกลที่สร้างความศิวิไลซ์ให้กับมนุษยชาติ\n\nแม้แต่ในมนุษย์เองที่ร่างกายของเราก็ประกอบขึ้นจากมวลของธาตุชนิดต่าง ๆ สิ่งที่เล็กที่สุดเท่าที่นักฟิสิกส์ได้ค้นพบคืออนุภาคมูลฐาน องค์ประกอบที่เล็กที่สุดที่เป็นฐานรากของทุก ๆ สรรพสิ่งที่ดำรงอยู่ภายใต้เอกภพนี้ “ควาร์ก” พวกมันทั้งสามโคจรเป็นวงโคจรอยู่รอบตัวของมันเองด้วยความเร็วที่เข้าใกล้ความเร็วแสง พลังงานจลน์ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่ากับขีดจำกัดของกฎฟิสิกส์นี้ ดำรงอยู่ภายในตัวของพวกเราทุก ๆ คน\n\nพวกมันไม่ได้หลุดออกจากกันถึงแม้จะมีระดับพลังงานที่สูงอย่างมาก ด้วยการยึดเหนี่ยวเอาไว้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้มภายใต้กรอบแคบ ๆ ที่เรียกว่า “นิวตรอน” และ “โปรตอน” สิ่งที่ถูกเรียกรวมกันว่า “นิวคลีออน” นี้ และมันคือสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของธาตุต่าง ๆ ที่มวลของพวกมันจะหลอมรวมกันเป็นร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นมนุษย์จึงมีทั้งมวลและพลังงานอยู่ในตัวของตัวเองไม่ต่างจากเชื้อเพลิงเหล่านั้น\n\nพลังงานความร้อนที่ได้จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงถ่านหินหรือน้ำมัน พวกมันเพียงแค่เปลี่ยนรูปจากวัตถุที่มีของแข็ง หรือในสถานะของ ๆ เหลวที่ดวงตาของมนุษย์สามารถมองเห็น ไปเป็นพลังงานความร้อนที่ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องจักรกล โดยพลังงานเหล่านั้นจะเปลี่ยนรูปไปสู่มวลของผลผลิตที่เครื่องจักรเหล่านั้นจะผลิตออกมา\n\nเช่นกันกับร่างกายของมนุษย์ ในขณะที่พวกเราได้ทำงาน และสร้างผลผลิตต่าง ๆ ออกมา แม้แต่งานศิลปะภาพวาดหรืองานประติมากรรม พวกเราก็ได้ใช้พลังงานในร่างกายของเรา เปลี่ยนรูปแบบของมันในรูปของพลังของกายไปเป็นภาพวาดหรืองานแกะสลัก พวกเราใช้พลังงานในร่างกายของเราผลิตเป็นผลงานศิลป์ออกมา พลังงานของเราจึงเปลี่ยนจากที่อยู่ภายในร่างกายไปสู่ผลงานที่เราเป็นผู้ที่สร้างขึ้น\n\nถึงแม้ว่ามนุษย์จะตายจากไป เช่นเดียวกันกับเชื้อเพลิงที่ถูกเผ่าไหม้จนหมด มวลของร่างกายที่แหลกสลายไปตามการเวลา พลังงานที่จะกระจัดกระจายไปในห่วงของเอกภพ สิ่งที่จะดำรงอยู่ คือผลงานที่พวกเราได้สร้าง ภาพวาดหรืองานประติมากรรมที่จะเก็บกักพลังงานของเราเอาไว้ในรูปแบบมวลของวัตถุ จะยังคงอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีพลังงานรูปแบบอื่น ๆ มากระทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลง\n\nพลังงานไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ในช่วงเวลาที่มันเปลี่ยนรูป พวกเราที่เป็นมนุษย์ไม่ได้ทำการสังเกตพวกมันอยู่ก็เท่านั้นเอง และด้วยขีดจำกัดของมนุษย์ที่ไม่สามารถนำเอาพลังงานทั้งหมดที่มีอยู่ภายใต้เอกภพนี้มาใช้ พวกเราแค่ปิดกันตัวเองจากสิ่งที่ไม่มีขีดจำกัด ให้มันเป็นเพียงสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัดสำหรับเรา\n\n#Siamstr\n\nhttps://youtu.be/rnP1GlCUais?si=zSHziLRKi6SI2gPh",
"sig": "930242c3eff283ee5c286e514d6d178cad92dc6a1fb40475bdc44198e56be49a3630ebeb1d6900cbf2c29b2dc80ddc45e50fb3bfbf0c3047c7ac51b4a58726ab"
}