Why Nostr? What is Njump?
2023-09-20 10:58:17

lunchblock on Nostr: ...

ชีวิตคนเราจะยอมแลกอนาคตกับความหลงไหลในบางอย่างได้มากแค่ไหนกัน?

เราถูกสอนให้รู้จักบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นอย่างดี.. เราค่อนข้างจะตัดสินใจกันแบบ Conservative เสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อถึงคราวต้อง Take risk กับอะไรบางอย่าง ไม่มีใครหรอกที่จะอยากเดินเข้าไปสู่หนทางอันมืดมิด

แต่ผมกลับได้เจอกับ “ผู้ชายคนหนึ่ง” ที่กล้าจะยอมแลกทุกอย่างในชีวิตของเขา.. เพียงเพื่อบิตคอยน์

. .

“คนนี้เค้าชื่ออะไรเหรอตั๋ง? เขาเป็นใครน่ะ?”

ผมถามเจ้าตั๋ง หลังจากที่ได้เห็นภาพถ่ายของชายคนนั้น..

ในมือถือแก้วเบียร์ สีหน้ามีความสุขล้น ผมจำแทบไม่ได้แล้วว่า.. ภาพนั้นเขาถ่ายกับใครหรือเป็นสถานที่ไหน มันก็นานมากแล้วเหมือนกัน แต่ใบหน้าของหมอนี่ค่อนข้างจะรบกวนจิตใจผมพอสมควร..

ผมเห็น “เขา” ผ่านตามาสักระยะนึงแล้ว..

เขามักจะโผล่มาโพสต์ในกลุ่ม Siamese Bitcoiners อยู่เป็นระยะ ๆ นอกจากนี้ผมยังรู้สึกว่าหมอนี่ทำไมมันถึงต้องเอาจริงเอาจังกับบิตคอยน์ขนาดนั้นเลยวะ?

เขามักจะอ่านบทความต่างประเทศ โดยเฉพาะบทความของ Bitcoin Magazine เขาจะไฮไลท์บางส่วนในบทความมาแชร์ต่อให้เพื่อนๆ ในกลุ่มเสมอ โดยไม่สนใจด้วยว่าใครจะอ่านหรือไม่อ่าน

ที่เล่ามาคุณอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยนี่นา..

สิ่งที่พิเศษคือ.. ไม่ว่าในกลุ่มจะกำลังถกเถียงเรื่องอะไรกันอยู่ก็ตาม หมอนี่จะทำราวกับว่าไม่ได้สนใจกระแสที่เกิดขึ้นเลย (เขาอาจจะแว๊บไปมีส่วนร่วมกับมันบ้างแหละ พวกการปะทะคารมกันในกลุ่มน่ะ) สิ่งที่เขาโพสต์นั้น เหมือนกำลังจะบอกทุกคนว่า..

“เฮ้! พวกเรา! มาดูนี่สิ โคตรเจ๋งเลย บิตคอยน์ของพวกเราแม่งสุดยอดไปเลยว่ะ!”

“เฮ้ย! อ.พิริยะ แม่งโคตรคูล ผู้ชายคนนี้นี่สุดยอดไปเลยนะ!”

ผมสัมผัสได้ถึงความหลงไหลในบิตคอยน์ ผมสัมผัสได้ถึงเทคนิคทางด้านภาษาและสไตล์การเขียน วิธีที่เขาใช้เขียนหรือแนวทางในการสื่อสารนั้น.. มีเอกลักษณ์บางอย่างที่ผมคงต้องใช้คำว่า.. “ละเมียดละไม

การแสดงออกของเขานั้นค่อนข้างให้ความรู้สึกว่า.. หมอนี่มันช่างใสซื่อกับบิตคอยน์เสียจริง..

มึงเพิ่งรู้จักบิตคอยน์มาไม่นานสินะ? ..ผมแอบคิดในใจ ในตลาดนี้มันจะมีมุมร้ายๆ ที่รอวันชำแหละพวกมือใหม่อยู่นะ..

มึงจะโลกสวยขนาดนี้เลยเหรอวะ? . .

“คนนี้เขาเป็น ……….. นะพี่ เขาชื่อ…… ครับ”

..ไอ้ตั๋งสุดหล่อตอบผมมาแบบนั้น

คนที่ใช่ในเวลาที่คู่ควร

“พี่ยะมาแล้ววว…”

คำก็ “พี่ยะ” สองคำก็ “พี่ยะ” อืมมม.. ทำไมเรารู้สึกหมั่นไส้ไอ้นี่จังวะ?

ชาวบ้านเค้าเรียก อ.ตั๊ม ไม่ก็ อ.พิริยะ หรือ ปิรันย่า กัน มึงไปเอาคำว่า “พี่ยะ” มาจากไหนกันล่ะเนี่ย.. ก่อนที่ผมจะหมั่นไส้ใครไปมากกว่านี้ ผมดึงสติตัวเองกลับมาคิดว่า.. คนนี้ไม่ใช่หรอที่ควรจะมีอะไรน่าสนใจให้เราได้ค้นหา..

เออ.. นั่นสินะ

ผมวางอคติส่วนตัวลงชั่วขณะ.. ตัดสินใจหาคำตอบและค้นคว้าข้อมูลของผู้ใช้คนนี้อย่างจริงจัง.. จนกระทั่งไปเจอเข้ากับ บล็อกส่วนตัว ของเขาเข้า ใน Word press

image

ในวันที่ใครๆ ก็เผยแพร่เรื่องราว บอกเล่าความคิดของตนลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หมอนี่กลับเขียนบล็อกจำนวนมากได้เป็นวรรคเป็นเวรมาตั้งแต่ปี 2007!!

ผมมีความสามารถติดตัวที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เมื่อผมได้อ่านอะไรแบบนี้ ผมจะสามารถเจาะลึกเข้าไปในความรู้สึกนึกคิดของคนเขียนได้ ถึงแม้ว่า “ตัวหนังสือ” จะเป็นสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ประดอยขึ้นมาโดยไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับความจริงในใจเลยก็ตาม.. แต่สำหรับบล็อกนี้ผมสัมผัสได้เลยว่า.. เขาเขียนมันออกมาจากตัวตนของเขาจริงๆ

แต่ละคนก็มักจะมีความน่าสนใจ มีความพิเศษในตัวเองไม่มากก็น้อย หมอนี่เองก็เช่นกัน ซึ่งนอกจากสิ่งที่เขาเขียนกว่า 40 เพจบนบล็อกนั่นแล้ว ก็คงไม่มีอะไรต้องสนใจมากนัก

แต่สำหรับผม.. ผมสังเหตุเห็นบางมุมที่น่าค้นหา

ถ้าสังเกตกันให้ดี บล็อกของเขาจะถูกเขียนอย่างต่อเนื่องออกมาเป็นระยะๆ นับตั้งแต่ปี 2007 แต่แล้วมันก็หยุดไปดื้อๆ ในปี 2013

เขากลับมาเขียนมันอีกครั้งในปี 2022

มันเพราะบิตคอยน์ใช่ไหมที่ทำให้เขากลับมามีพลังพลุ่งพล่านกับงานเขียนได้อีกครั้ง?

ผมยังค้นพบต่อไปอีกว่า..

แม้ผู้ชายคนนี้จะมีชีวิตจริงที่ดูเหมือนจะโลดโผน ถูกรายล้อมไปด้วยผองเพื่อน แต่เขาไม่น่าจะมี “เพื่อนแท้” ที่พอหาได้เลยสักคน บทความมากมายในบล็อกของเขาแสดงให้ผมเห็นว่า เขามีบางอย่างในใจที่ไม่สามารถพูดกับใครได้.. มันอาจไม่มีคนรับฟังเขา หรือเป็นตัวเขาเองที่ไม่ต้องการเปิดเผยมัน..

คนๆ กำลังมองหา “ที่ของตัวเอง” โดยที่อาจไม่รู้ตัว

ช่วงเวลาแห่งการสืบค้นนั้น.. Right Shift กำลังริเริ่มความคิดที่จะสร้างแหล่งบทความบิตคอยน์ขึ้นมาบนเว็บไซต์ ผมอยากเปิดโอกาสให้กับชาวคอมมูนิตี้ได้เข้ามา “ปล่อยของ” กันที่นั่น ในขณะเดียวกันก็จะเป็นการยอมรับและได้ค่อยๆ ทำความเข้าใจกับ Bitcoin Lightning ไปในตัว เพราะเราจะเปิดให้มีการรับทิปสำหรับบทความเหล่านั้นได้โดยตรงผ่าน LN ด้วยนั่นเอง

เรากำลังหาเหาใส่หัว.. เราปฏิเสธเรื่องนั้นไม่ได้

เพราะทั้งหมดมันจะตามมาด้วยภาระความรับผิดชอบ ที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เราจะไม่ได้รับผลตอบแทน “ทางตรง” ใดๆ เลย แต่สำหรับผมแล้ว ผมอยากทำมันมากๆ เพราะผมเล็งเห็นถึงศักยภาพของคุณค่าที่เราจะได้รับกลับมาในอนาคต

ทุกคนถูกฝึกให้กลายเป็นนักแปลเกือบๆ จะเข้าใกล้คำว่ามืออาชีพ เราเริ่มกันอย่างกระท่อนกระแท่นจนกระทั่งเจอระบบการดำเนินการที่ลงตัวได้ในที่สุด

แต่อย่างไรก็ตาม.. ผมก็ยังรู้สึกว่าทีมของเรายังขาดอะไรอยู่บางอย่าง.. ผมพยายามหาคำตอบมาตลอดว่ามันคืออะไรกันแน่?

สิ่งที่เรากำลังตามหา มันก็คือ.. ประสบการณ์อย่างมืออาชีพ

ปัญหา มักไม่เคยทำให้ผมรู้สึกกลัวหรือย่อท้อ ผมไม่เคยคิดว่าปัญหาคืออุปสรรค กลับกัน.. ปัญหาสำหรับผม มันเป็นแรงผลักดันชั้นดีให้เราได้ออกไปหาวิธีการจัดการกับมัน ปัญหาทำให้ผมรู้ว่าผมต้องการอะไรเพื่อจะไปให้ถึงเป้าหมาย มันคือบททดสอบว่าตัวเราจะไปได้ไกลแค่ไหนเมือเจอเข้ากับทางตัน..

มันคือชะตาฟ้าลิขิต..

วันหนึ่งหมอนั่นก็ส่งบทความแปลของตัวเองเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา

ด้วยสัญชาตญาณส่วนตัว.. ผมใช้เวลาไม่นานก็รู้ได้ทันทีว่า.. คนที่ผมแอบสนใจอยู่ คือ คนเดียวกันกับที่ผมกำลังพยายามควานหามานาน มันมีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่า.. หมอนี่แหละจะเป็นคนที่ใช่สำหรับเราในอนาคต

image

ผมใช้เวลาไม่นานมากนัก ในการทำความรู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัว หลังบทความของเขาเริ่มทะยอยถูกเผยแพร่ขึ้นบนเว็บไซต์ของเราอย่างต่อเนื่อง ผมเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจและเอาจริงเอาจังของเขาในเรื่องที่ผมอาจจะยังรู้สึกแค่เพียง “เรื่องสนุก” เท่านั้น แต่สำหรับเขา มันยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจเสียเหลือเกิน

ผมจะยังรออะไรอีกเล่า.. งั้นแกมาทำงานกับพี่เถอะ.. “จิงโจ้

image

มืออาชีพไม่เคยต้องอวดอ้างสรรพคุณของตัวเอง

การเข้ามาในทีมบทความของจิงโจ้ สร้างบรรยากาศแบบใหม่ขึ้นในทีมน้องๆ ของผมที่อยู่กันมาก่อนแล้ว ทุกคนรู้สึกถึงพลังบางอย่างในตัวเขา ความสนุกสนานหยอกล้อเหมือนพี่น้องในตอนแรกเริ่มค่อยๆ กลายเป็นความตึงๆ อย่างเสียมิได้

ผมไม่คิดจะโทษจิงโจ้ในเรื่องนี้..

เพราะตัวเขาเองก็คงไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อเราต้องเจอเข้ากับ “ของจริง” เราจะรู้สึกยำเกรงและไม่กล้าเล่นสนุกกันมากเกินไป จิงโจ้นำเอาความเป็นมืออาชีพในด้านงานเขียนเข้ามาสู่ทีม เขาเป็นคนเดียวที่ให้ความเคารพกับผมในลักษณะที่ยังเป็นเหมือน เจ้านาย-ลูกน้อง อยู่ในตอนนั้น (ซึ่งผมไม่เคยต้องการให้เป็นแบบนั้น)

เขาทำงานให้เราอย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับงานประจำที่ก็หนักหนาพอๆ กัน ไม่เคยคิดก้าวก่ายงานส่วนอื่นหากผมไม่ขอให้ช่วย ไม่ยุ่งเรื่องของใครมากนัก และดูจะตึงพอสมควรเท่าที่ผมสัมผัสได้ แต่มันก็เป็นความตึงที่มาจากความตั้งใจอันเปี่ยมล้นของเขา เป็นความตึงที่ไม่ได้มีเจตนาจะให้ใครตึงตามไปด้วย..

เขาแค่ไม่ได้ต้องการจะทำให้ผมรู้สึกผิดหวังเท่านั้นเอง

จิงโจ้ เก่งเกินกว่าที่ผมเคยคิดเอาไว้.. มันไม่แปลก เพราะนี่มันเป็นอาชีพของเขาเลยก็ว่าได้ เขาทำให้ผมรู้สึกว่า.. Right Shift จะไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ในด้านงานบทความและงานหนังสือ รวมไปถึงงานเขียนในด้านต่างๆ

ตำแหน่ง บก. ที่เขาถูกเรียก ไม่ได้มาจากการที่ผมเป็นคนแต่งตั้งให้..

เด็กๆ ในทีม Right Shift ล้วนแต่เป็นเด็กที่ชาญฉลาด พวกเขาแยกแยะได้ว่าใครคือคนเก่ง ใครยังต้องพัฒนาต่อ พวกเขาเข้าใจดีว่าอะไรคืออะไร และสำหรับจิงโจ้ เด็กๆ ของเราก็เลือกเองที่จะให้เกียรติและเรียกเขาว่า “บก. จิงโจ้

กับทีมงานนั้น.. จิงโจ้แสดงออกถึงมารยาทที่ดีและมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่เสมอ.. เขาไม่เคยยอมให้ความสามารถตัวเองไปกดดันเพื่อนร่วมทีมเลยสักครั้ง เขามีวิธีสื่อสารที่น่าฟัง เราใช้เวลาเกือบครึ่งปี ในการที่ผมจะหาทางละลายพฤติกรรมและความตึงเครียดของทุกคนให้ผ่อนคลายได้

ถ้าเรากำลังหงุดหงิดที่เพื่อนร่วมทีมของเราช่างไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย เราควรจะสอนหรือถ่ายทอดงานให้กับพวกเขา จริงอยู่ว่าวิชาของเราอาจจะไม่ได้มันมาง่ายๆ แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าเราไม่ต้องมาคอยแบกทีม หรือรับผิดชอบอะไรหนักๆ อยู่เพียงคนเดียวไปตลอด?

ผมแนะนำจิงโจ้ไปแบบนั้น ..หลังจากนั้นมันกลายเป็นวัฒนธรรมของเราที่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับจิงโจ้ แต่มันเกิดกับทุกคน พวกเรารู้สึกดีกว่ามากที่เราได้แชร์ประสบการณ์ให้แก่กัน รู้สึกดีที่ถูกรายล้อมไปด้วยคนที่เราจะเชื่อมือพวกเขาได้ ..นั้นแหละคือคีย์สำคัญของคำว่า “ทีมเวิร์ค

ความเชื่อใจ ที่บิตคอยน์ไม่เคยสอนเรา แต่กับบางเรื่องในชีวิตจริง เราก็ยังต้องการมันมากอยู่ดี

วันนี้กับวันนั้น เราไม่เหมือนเดิม ที่ Right Shift เราทำงานกันอย่างมีความสุข สนุกสนานและรักใคร่กลมเกลียวกันดี

นักฟุตบอลที่ลงซ้อมด้วยกันบ่อยๆ วันหนึ่งก็จะเล่นเข้าขากันได้เองในที่สุด ถ้าคุณพยายามทำความเข้าใจและศึกษาสไตล์ของเพื่อนร่วมทีมคุณให้มากพอ พูดง่ายๆ ก็คือใส่ใจในทีมมากกว่าตัวเอง

เรื่องราวของจิงโจ้ตามที่ผมเล่ามาดูเหมือนจะงดงามไปหมดเสียทุกอย่าง

แต่โลกของเรามันไม่ได้มีแค่มุมที่สวยงามหรอกนะครับ.. มนุษย์คนหนึ่งก็เช่นกัน ทุกคนก็มักจะมีด้านมืดและด้านสว่างปะปนกันอยู่

จิงโจ้เองก็ไม่เว้น..

ตกบันได ต้องตกให้ถึงพื้น

เวลาที่คนดวงตก เวลาที่ทำอะไรก็ไม่เคยได้ดั่งใจ มันก็เหมือนกับการที่เรากำลังตกลงมาจากบันไดทีละขั้นๆ ถ้าหากบันไดมีทั้งหมด 7 ขั้น ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จำเป็นต้องตกลงไปให้ครบทั้ง 7 ขั้น จนกระทั่งไปกองอยู่ที่พื้นก่อนเสมอด้วยกฏแห่งแรงโน้มถ่วง คุณจึงจะสามารถลุกขึ้นมาเดินขึ้นบันไดได้ใหม่อีกครั้ง..

ถ้าวันนี้คุณรู้สึกว่าชีวิตกำลังแย่ มันอาจยังไม่ได้แย่ที่สุดก็ได้นะ.. ถ้าชีวิตของคุณพึ่งร่วงลงมาแค่ 5 ขั้น มันอาจยังเหลือเรื่องร้ายๆ ให้คุณต้องเจออีกตั้ง 2 ขั้นก็เป็นได้ นี่เป็นการเปรียบเปรยเพื่อให้คุณเห็นภาพได้ง่ายขึ้นเพียงเท่านั้น

เรื่องนี้เป็นสัจธรรมที่ผมได้ค่อยๆ เรียนรู้มาเองทั้งชีวิต

การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

มันฟังดูค่อนข้างแย่.. แต่มันก็มักจะเป็นความจริง เรามักจะฝืนชะตาชีวิตในช่วงที่ทุกอย่างรอบตัวไม่เป็นดังหวัง ผมเลือกที่จะทำความเข้าใจและยอมรับในทุกความเป็นไป เลือกจะปล่อยตัวเองให้หล่นลงไปกองที่พื้น ผมรอให้ถึงเวลานั้นอย่างเข้าอกเข้าใจ

เพราะผมเชื่อในสังสารวัฏ ณ จุดที่ผมกองอยู่แนบพื้น ชีวิตของผมคงไม่อาจย่ำแย่ไปกว่านั้นได้อีกแล้ว จุดนั้นเองที่ผมจะลุกขึ้นมาทบทวนเหตุการณ์ต่างๆ และก้าวเดินขึ้นบันไดไปอย่างมั่นคง ชีวิตหลังจากนั้นมันควรจะมีแค่ดีกับดี

มันจะแย่ไปกว่านั้นได้ยังไงล่ะ? . .

“ผมอาจทำงานให้ Right Shift ไม่ได้แล้วครับ..”

ผมหน้าชาเล็กน้อยเมื่อได้ยินถ้อยคำตัดพ้อของจิงโจ้.. มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อทุกอย่างกำลังดีเลยนะ? ทำไมจู่ๆ นายมาพูดกับพี่แบบนี้? หรือว่ามันเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นในงาน.. หรือในทีม?

อย่างที่บอก.. ผมมักไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องจมอยู่กับคำถามใดๆ นานเกินไป ทำอย่างนั้นคงไม่มีประโยชน์ ผมเลือกจะสืบสาวราวเรื่องด้วยการโทรหาจิงโจ้โดยตรง เราคุยกันอย่างบิตคอยเนอร์ ซึ่งกินเวลานานกว่า 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว..

ในชีวิตคนๆ หนึ่ง คุณอาจเคยทำผิดพลาดได้หลายครั้งในชีวิต คุณอาจทำให้ใครสักคนไม่พอใจ คุณอาจทำเรื่องร้ายๆ มาบ้าง หรือต่อให้คุณไม่เคยข้องแวะกับใครเลย มันก็คงจะมีสักเรื่องหรือสักคนที่อาจจะทำให้คุณจิตตกได้เหมือนกัน

ผมให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น ในทุกอย่างที่เขาพยายามปกปิดเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ และผมยังขอให้จิงโจ้ “ให้อภัยตัวเอง” อีกด้วย เพื่อที่เราจะยังเดินต่อไปได้ จิงโจ้รู้สึกผิดเพราะคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นตัวถ่วงของทีม.. สำหรับผม ผมไม่เคยคิดกับใครแบบนั้น

“ผมขอเว้นวรรคไปฟื้นฟูความรู้สึกตัวเองสักพักละกันนะครับ..”

จิงโจ้กล่าวลาผม เพื่อเดินทางไปพักผ่อนยังเวียดนาม.. เรารู้เรื่องนี้กันแค่ 2 คนในตอนนั้น ความเป็นมืออาชีพอย่างสุดลิ่มทำให้เขาเลือกที่จะไม่เอาปัญหาส่วนตัวมากระทบต่อขวัญกำลังใจของทีม..

(ขออนุญาตไม่เล่าเรื่องส่วนตัวของเขาในที่นี้นะครับ)

ถ้าคุณต้องเลือกอนาคตของคุณ โดยต้องยอมแลก “ทุกอย่างที่เคยมีมา” กับ “บิตคอยน์” คุณจะเลือกอะไร?

โลกใหม่ที่ไม่มีวันเหมือนเดิม

ผมไม่สามารถทำอย่างจิงโจ้ได้.. ผมยังคงต้องทำงานประจำเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตเส็งเคร็งนี้ต่อไปด้วยเงินเฟียต แล้วจึงค่อยเจียดเอาเวลาอันน้อยนิดมาทำกิจกรรมต่างๆ ในงานของ Right Shift

แต่ผู้ชายคนนี้เลือกที่จะทิ้งทุกอย่าง…

ผมต้องใช้คำว่า “ทิ้งทุกอย่าง” จริงๆ นะ สำหรับการตัดสินใจของเขา เพื่อจะเบนเข็มมาผลักดันการยอมรับบิตคอยน์อย่างเต็มตัว ในฐานะส่วนหนึ่งของ Right Shift เรา..

อย่าเข้าใจผมผิด.. ผมไม่เคยพยายามจะโน้มน้าวหรือชักชวนให้เขาทำแบบนั้น ผมพูดกับเขาอย่างลูกผู้ชายว่าผมพร้อมจะยอมรับทุกการตัดสินใจของเขาเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าผลของมันจะออกมาดีหรือแย่ต่อ Right Shift ก็ตาม

มันเป็นการตัดสินใจอันยิ่งใหญ่และน่ายกย่องของเขาเอง

มันทำให้ผมรู้สึกได้ทันทีว่า.. เมื่อเราได้รับเกียรติมากขนาดนี้ เราก็คงต้องคืนเกียรตินั้นให้กับเขาด้วยเช่นกัน ผมรู้สึกได้ทันทีว่าผมคงทำแค่เอาสนุกอีกต่อไปไม่ได้แล้ว ผมต้องทำให้สมกับที่คนๆ หนึ่งยอมฝากอนาคตไว้กับมัน

จิงโจ้หันหลังให้กับงานประจำแบบเฟียตๆ แทบทั้งหมด ทั้งหมดจริงๆ คนๆ นี้สามารถเขียนอะไรแค่ย่อหน้าเดียวก็สร้างรายได้หลักพันบาทได้แล้ว แต่การมานั่งหลังขดหลังแข็งทำงานเบื้องหลังให้กับ Right Shift นั้น.. ผมไม่เคยมีอะไรให้เขา ที่จะสามารถเทียบเคียงกับสิ่งที่เขายอมเสียไปได้เลย

เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรหรอก.. เขาห้ามไม่ให้ผมคิดเรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ

ถ้าคุณอ่านทั้งหมดแล้วพยายามทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ วางอคติทุกอย่างลง และมองเข้าไปยังจิตใจของชายคนนี้ โดยไม่คิดว่าผมกำลังสรรหาคำมาอวยเค้ามากเกินไป

สิ่งเดียวที่คุณคงจะอยากทำคงเป็นการ Standing ovation ให้กับเขา

เขาบอกกับผมว่า เขาไม่เคยเสียใจที่ตัดสินใจลงไป เขาได้รับมิตรภาพ ความสุข ความหวัง และรอยยิ้ม ทุกครั้งที่จะมีการอัดรายการสภายาส้ม จิงโจ้จะออกไปซื้อเบียร์มาเตรียมไว้ก่อนเสมอ คุณสามารถเข้าใจได้เลยทันที ว่าเขานั้นมีความสุขกับมันมากขนาดไหน

จิงโจ้เปลี่ยนเป็นคนใหม่นับจากการตัดสินใจในครั้งนั้น จากคนที่เคยตึงๆ ซีเรียสกับทุกเรื่อง ดูจะหวั่นไหวง่าย เขาค่อยๆ เย็นลง ดำเนินชีวิตไปอย่างช้าๆ ยิ้มและหัวเราะได้กับทุกๆ เรื่อง เข็มแข็ง และกลายเป็นคนน่าคบในสายตาของใครหลายๆ คน

สิ่งหนึ่งที่ผมพอสังเกตุได้ว่าเขาแทบไม่เคยเปลี่ยนเลย คือ ความเอาจริงเอาจังกับบทบาทที่ได้รับมอบหมาย ความทุ่มเทที่เขามีให้กับบิตคอยน์และคอมมูนิตี้นั้นมากมายเหลือเกิน

แม้ไม่เคยไม่ใครได้รู้ ว่าการตรวจทานและพยายามให้คำแนะนำกับนักเขียนในแต่ละบทความนั้น มันต้องใช้ความอดทนและความอุตสาหะพยายามมากขนาดไหน ทั้งแรงกายและเวลาที่เสียไปแบบไม่เคยได้รับผลตอบแทนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน (เรายังไม่มีรายได้สำหรับส่วนนี้ในตอนนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่มีหรอก)

เมื่อคุณต้องทำงานอย่างมีมานะ เพื่อให้คนอื่นๆ ได้รับเครดิตอย่างที่เขาเหล่านั้นควรได้รับ คุณลองถามตัวเองดูสิว่า คุณต้องพกมายเซตแบบไหนใส่ลงไปในการทำงาน?

ใช่.. วันนี้เขาอาจเริ่มได้รับคุณค่าในแบบที่เขาควรได้ผ่านบทความสดุดีชิ้นนี้ของผม แต่ผมคงตอบไม่ได้ดีไปกว่าเจ้าตัว ว่าเขาทำทุกอย่างไปเพราะอะไรกัน?

ทุกวันนี้จิงโจ้เลี้ยงชีพตัวเองด้วยการเลี้ยงไก่และรับงานเฟียตแบบขัดใจตัวเองบ้างในบางครั้ง.. และใช้บิตคอยน์หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของตนในทุกๆ วัน ..รวมทั้งเบียร์

When Money Dies คือ รางวัลแห่งความอุตสาหะที่ผมมอบหมายให้เจ้าตัวได้แสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่

ผมไม่ก้าวก่ายใดๆ แม้แต่นิดเดียว นี่จะกลายเป็นผลงานของเขาอย่างเต็มภาคภูมิ ผมอยากจะรอเห็นวันที่หนังสือเล่มนี้ถูกเขาแปลจนเสร็จและได้รับการตีพิมพ์ ..คงไม่สามารถมอบอะไรให้เขาได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

image

ผมมักจะเข้านอนเป็นคนสุดท้ายในทีม และตื่นเป็นคนแรกๆ อยู่บ่อยๆ แต่ผมก็ไม่เคยตื่นได้ก่อนหมอนี่เลยสักครั้ง

คำว่า “ทีมตรู่” ก็มาจากมันนี่แหละ.. . .

“พี่กลัวว่าแกจะป่วยเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มตายจังเลยว่ะ.. จิงโจ้”

ผมแซวด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง.. . .

อย่างน้อยผมก็คงได้ตายอย่างมีความสุขครับพี่..

Author Public Key
npub1k00eugm8sfze2z9ceecd93ap62dkekrsun3dhg3cxmdgdxn5j7sqtm9dde