Why Nostr? What is Njump?
2024-06-25 05:55:13

heretong on Nostr: ลืมแทก 555 #siamstr ...

ลืมแทก 555
#siamstr

บันทึกเจอนี่ เรื่องนี้ไว้สักหน่อยครับ เผื่อตายไปจะได้ล่องลอยอยู่ในแบบดิจิตอล 5555

จะเรียกว่าความเลยเถิด จับพลัดจับผลูหรืออะไรก็แล้วแต่ ก็น่าจะนับเป็นโชคที่ดีได้ ที่ผมเกิดมาเป็นวัยรุ่นในยุคที่มีช่องว่างในการจะทำอะไรได้มาก ยอมรับเลยว่า ทุกวันนี้ยังมีสัดส่วนความคิดแบบคนรุ่นเก่าเยอะพอสมควร

เรื่องมันเริ่มจาก หนังอาร์เอส โลกทั้งใบให้นายคนเดียว ตอนหนังเรื่องนี้ออกนี่ผมโตแล้วครับ มหาวิทยาลัยแล้ว ผมกับเพื่อนๆไปดูหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะคุณนุ๊กหรือคุณเต๋า แต่ไปเพราะพี่เอ็ม ใช่ครับ สุรศักดิ์ วงษ์ไทย ตอนออกจากโรงมาเราไม่ได้คุยเรื่องเนื้อหาในหนัง เราคุยกันแต่เรื่องพี่เอ็ม จนคนหนึ่งในกลุ่มพูดว่า รายการพี่เอ็ม ตอนนี้จัดอยู่คลื่น 89 นะ

รายการที่ว่าชื่อ ถามมาซิจ๊ะ…โดน ครับเป็นรายการที่เราฟังกันน่าจะตั้งแต่ smile 88 MHz หรือที่คุณพ่อคุณแม่เพื่อนๆชาวทุ่งม่วงคุ้นเคยในชื่อ สไมล์เรดิโอ เป็นรายการวิทยุที่มีมาก่อน A-times ทั้งหมด ตอนนั้นรายการ ถามมาซิจ๊ะ…โดน เป็นการการที่พูดคุยอย่างเดียว สมัยนี้เรียก talk show นั่นละครับ แต่เป็นการพูดคุยที่ค่อนข้างกันเองจนสนุกสนานภาษาวัยรุ่นยุคนั้น แต่มันไม่ค่อยจะถูกใจผู้หลักผู้ใหญ่ช่วงนั้นเสียเท่าไร เอาจริงๆก็คล้ายๆยุคนี้แหละครับ วัยรุ่นมักทำอะไรไม่ถูกใจในสายตาผู้ใหญ่ แต่การ re act มันต่างกัน สมัยนั้นเราโดนแบน จนต้องย้ายคลื่นกันบ่อยครั้งมาก (รูปแบบการแบน อาจต้องเล่าส่วนตัว เพราะถ้าลองมองดู คลื่นวิทยุใครเป็นเจ้าของ การไล่ก็ตามเจ้าของถนัดนั่นละครับ 55)

ทีนี้การสื่อสารสมัยก่อนมันจะยากมากที่จะต่อกันติด เก่งที่สุดคือ จดหมายมาถามเพราะเราใช้ตู้ ปณ. ในการติดต่อกัน นอกจากนั้นคือ ปาก ต่อ ปาก เท่านั้น ทำให้ประโยคนั้นของเพื่อนผม คือประโยคที่ พลิกชีวิต น่าเหลือเชื่อจริงๆเลยครับ

ผมกลับบ้านไปติ้วคลื่นที่เครื่องวิทยุ หมุนหาคลื่น 89.0MHz (ใช่ครับ หมุนคลื่น ไม่มีดิจิตอลใดๆ) วิทยุโซนี่เครื่องนั้นผมยังเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา และวันอาทิตย์ผมก็ได้ฟังรายการที่คุ้นเคยอีกครั้ง ตอนนั้นคลื่น 89 เป็นลักษณะ format radio คือเปิดเพลงร็อคทั้งวันทั้งคืน ยกเว้นเสาร์-อาทิตย์ จะมีโซนี่เป็นสปอนเซอร์ เรียกว่า sony dream radio ก็เลยจะเป็นรายการที่วาไรตี้กว่า จ-ศ

ในจักรวาลคู่ขนานกัน ผมเริ่มรู้จักโลก internet จากมหาวิทยาลัย ซึ่งการก้าวเข้าโลกอินเตอร์เนทจะเล่าให้ภายหลัง ข้ามมาก่อนว่า เป็นช่วงที่ผมเริ่มหัดเขียน html จนมาพบ netscape navigator GOLD ตัวแรกที่สามารถเขียนเว็บแบบ WYSIWYG (What You See Is What You Get) สมัยนี้อาจจะงง คือเมื่อก่อนทุกอย่างเป็นตัวหนังสือครับ การทำอะไรแบบ พิมพ์ปุ๊บเห็นในจอปั๊บส่งออกข้างนอกได้แบบนั้นทันที เราจะตื่นเต้นกันมากครับ

แล้วผมก็ทำการผสาน 2จักรวาลเข้าหากัน ผมเริ่มทำโปรเจค fan page รายการวิทยุ ถามมาซิจ๊ะ…โดน เพราะรู้สึกว่าอยากทำงานวิทยุ ต้องหาทางเชื่อมอะไรบางอย่าง พอทำเสร็จผมก็เลยติดต่อไปที่ดีเจท่านนึง ซึ่งชอบแกดเจทเหมือนกันคือ พี่บอล กิตติพัฒน์ ลิมพะสุต ผมมองว่าโอกาสการเข้าหาทางอีเมลล์ มีมากกว่าตู้ปณ. เพราะจดหมายในรายการเยอะ อัตราการถูกนำมาอ่านมันจะน้อยกว่าอีเมลล์ ซึ่งในยุคนั้นการใช้อีเมลล์ค่อนข้างไฮโซ จึงได้รับโควต้า จดหมายจากอีเมล แยกจากจดหมายจากตู้ปณ.

แล้วมันก็ได้ออกอากาศ และทุกคนก็ตื่นเต้นที่รายการมีเว็บไซท์เป็นของตัวเอง เพราะมันน่าจะเป็นรายการวิทยุแรกๆของไทย ที่มีเว็บไซท์ครับ

จากนั้นผมก็ได้รับการติดต่อจากพี่บอล ให้เข้าไปพูดคุยเพื่อทำสิ่งนี้ให้มีทิศทางชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงถามว่า อยากสอนคอมไหม เขาเปิดโรงเรียนสอนคอม แล้วยังขาดครูสอนอินเตอร์เนท นั่นทำให้ผมไม่รีรอที่จะรับทันที ใช่ครับสมัยก่อนการสอนเข้าอินเตอร์เนท ต้องลงเรียน สอนตั้งแต่ตั้งค่าโมเด็ม การโทรเข้า isp การทำความรู้จักกับ username password รวมถึงการเข้า browser

ระหว่างนั้นผมก็ทำเว็บรายการควบคู่ไปด้วย ผมเริ่มเนียนครีเอทคอนเสป การตัดหน้าดีเจ ไปแปะกับใบ handbill หนัง เพื่อให้เกิดความสนุกตลก ออกแนวพาโรดี้ มันน่าจะทำให้พี่บอลมองเห็นว่า เอ้อ ผมพอมีความครีเอทอยู่บ้าง ไม่ได้เป็นเนิร์ด ก็เลยเริ่มชวนผมไปทำโน่นทำนี่ ชวนไปไหนกูไปหมด จำได้ว่าเคยไปงานโซนี่ ในโรงแรมแห่งหนึ่ง เขานำเครื่อง mini disc เข้ามาใหม่ๆ รวมถึงอุปกรณ์บรอดคาส เจ๋งๆ ก็ได้เห็นจากการติดสอยห้อยตามนี่ละครับ

โปรเจคแรกเลยคือการทำ จิงเกิ้ลรายการใหม่ ที่ห้องอัดเสียงของ พี่ต้อ กุลวัฒน์ พรหมสถิตย์ อัดเสียหนะแป๊บเดียว แต่กินเหล้านาน 55 เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่า ศิลปินเจ๋งดีนะครับ พี่ต้อคุยกับพวกเราอย่างออกรสชาติ ผมเด็กใหม่ ในขณะที่เขาสนิทกันมาก่อนแล้ว ทีนี้ vibe มันดีจนพี่ต้อหยิบกระดานมาสเก็ตรูปบรรยากาศวันนั้นไว้ ใช่ครับ เอาดินสอสเก็ตรูปเก็บไว้ ไม่ได้ใช้กล้องถ่ายรูป 555

จากนั้นมันก็เริ่มเลยเถิดไปเรื่อยๆ และผมมักจะไปตกในจังหวะที่ คนไม่พอบ้าง ไม่มีคนทำบ้าง ผมชนทุกโอกาสที่เข้ามา ตั้งแต่การอ่านสปอตวิทยุ เพราะคนไม่พอ ตั้งแต่การตัดต่อเสียงเพราะคนทำป่วย ไปจนถึงเป็นตัวซัพพอร์ตสำนักข่าวที่รายการรับจ้างทำ ได้ทำตั้งแต่ re write ข่าว ไปจนอ่านข่าวเองบางช่วงที่สลอตมันไม่มีใครว่าง (มักจะเป็นข่าวต้นชั่วโมงราวๆ ตี2 ตี3) หรือแม้แต่ การออกภาคสนาม การคิดซาวน์และกิมมิคต่างๆในรายการ ซึ่งในช่วงหลังปรับเป็นเกมส์โชว์มากขึ้น

แล้วก็มาถึงยุคของอีเวนท์ เมื่อก่อนเขาเรียกว่า “กิจกรรม” ตอนปลายๆของวิทยุ เราจะมีคำพูดนึงจากพี่บอลมาบรีฟว่า สปอนเซอร์ อยากให้เราช่วยคิดกิจกรรมการตลาด เกี่ยวกับ โน่น นี่ นั่น ซึ่งเป็นอีกจุดพลิกชีวิตเหมือนกัน เพราะมีการเปลี่ยนความคุ้นชินจากการทำวิทยุ ไปสู่ อีเวนท์ ออกาไนเซอร์ หลายคนก็ปรับตัวไม่ได้ หลายคนก็ปรับตัวได้ ผมอาจโชคดีหน่อย ที่ไม่ชอบกลับบ้าน เลยอยากทำอะไรพวกนี้ตลอดเวลา และเช่นเคย ผมไม่ได้รอให้ใคร assign งาน ผมลุกไปทำในทุกจุดที่คนโบ๋อยู่ ลุกไปช่วยทุกจุดที่มันกำลังมีปัญหา เพราะตอนนั้นภาพผมเป็นเนิร์ด ทำอนิเมชั่นตั้งแต่ flash เวอร์ชั่น beta พอคนเห็นตัวผมในหลายๆที่ เขาก็เริ่มให้ประกบช่วยโน่นนี่นั่นแบบอุ่นใจเขาขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยดูคิว ทั้งสเตจ ไฟ เสียง อะไรที่มันเทคโนโลยี รวมยาวไปถึงอะไรที่เป็นกราฟฟิค พิมพ์ ปริ้น

มันมีกิจกรรมสนุกๆให้ทำมากมาย ที่เป็นการลองผิดไปด้วยกัน การจัดดูหนังฟังเพลง คือมีมินิคอนเสิร์ตในโรงหนัง แล้วต้องรีบรื้อให้ทันก่อนรอบเที่ยง เพราะเขาต้องขายตั๋ว หรือการจัดถ่ายทอดสดออสการ์ในโรงหนัง พอเรื่องไหนได้รางวัลก็ดูเรื่องนั้นต่อไปพร้อมๆกันเลย การจัดนักชิมหนัง คือให้นักศึกษาลองดูหนังที่จะออกฉายก่อนเพื่อเทสฟีดแบค จริงๆการจัดกิจกรรมพวกนี้ มันก็คือ อีเวนท์ในยุคนี้ แต่สมัยนั้นมันไม่มีชื่อเรียก

เราเพิ่งมารู้ว่าอ๋อ นี่คืออาชีพออกาไนซ์สินะ เราไม่รู้หรอกครับ เราแค่เห็นว่ามันเจ๋งดีได้คิดอะไรสนุกๆทำ ผมจำงานนึงได้ ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกมาก น่าจะในช่วงฤดูหนาวพอดี ลมเย็นมากๆสมัยนั้น แล้วเรามีการจัด collage rock market ที่ RCA ตอนเช้าถึงค่ำ เป็นการเปิดให้นักศึกษามาลงทะเบียนเล่นสดๆ ให้ค่ายเพลงเดินช้อปปิ้งเลย ว่าอยากเซนต์วงไหนเข้าสังกัด จัดเวทีเรียงยาวไปตามถนน RCA เลยครับไม่ได้มีเวทีเดียว ที่สนุกคือหลายวง มีการแย่งกันเซนต์ด้วย เหมือน The Voice สมัยนี้เลยที่ต้องแย่งกันด้วยการเสนอข้อเสนอที่ดีกว่า มากกว่า ให้วงนั้นๆ

ว่าไปแล้ว แต่ละกิจกรรมก็เอามาเล่าใน เจอนี่ ได้หมือนกันแฮะ

นี่เป็นจุดพลิกอีกจุดนึง ที่ทำให้ผมเป็นผมแบบทุกวันนี้ครับ มีความเพี้ยนๆเพราะมันมี 2 ซีกในตัว ฝั่งวิชาการก็ลุ่มหลงลงไปได้ยาวๆ ฝั่งเฮฮาก็บ้าบอ คล้ายๆค้างคาวครับ นกก็ไม่ใช่ หนูก็ไม่เชิง

แต่ที่แน่ๆ ที่ผมตกตะกอนได้ทุกวันนี้คือ ผมจะไม่ทิ้งโอกาสไปเปล่าๆ โอกาสมีไว้พุ่งชน และถ้าไม่มีโอกาส สร้างมันซะ

ได้ก็คือได้ ไม่ได้ก็แค่กลับมาจุดเดิม ไม่มีอะไรจะต้องเสีย ตราบใดที่มันไม่รบกวนความรับผิดชอบปกติของเรา

ปัจจุบันก็เช่นกันครับ จาก เจอนี่ โพสที่แล้วได้บอกไว้ ว่าผมก้าวออกมาจากงานโฆษณาแล้วครึ่งหนึ่ง โพสนี้บันทึกไว้ว่า 31 กรกฎาคม 2567 ผมก้าวออกจากงานโฆษณาเต็มตัวครับ

เพื่อออกมาสร้างโอกาส ที่จะพุ่งชน โดยไม่ต้องกังวลความรับผิดชอบกับมวลหมู่อีกต่อไป เพราะผมขอเอาความรับผิดชอบตั้งไว้เหนืออื่นใด ดังนั้นถ้าความรับผิดชอบที่ต้องทำมันขัดกับการสร้างโอกาส (ที่ไม่รู้จะสำเร็จแค่ไหน) ผมเลือกที่จะแก้ไขความรับผิดชอบนั้นด้วยการยุติมันแล้วทำ exit plan ที่สมูทที่สุด แล้วหยิบจอบเสียม ไปขุดดินมาปั้น ครั้งนี้ เราจะปั้นในแบบที่เราอยากปั้นแล้วนะ เราจะไม่ปั้นในแบบที่คนอยากดู เราแค่ทำไปแล้วหากมีใครชอบในงานปั้นของเรา ก็เป็นเรื่องยินดี ไม่รู้สินะ เราทำเอาใจตลาดมาเกินพอแล้ว ถ้ามีคนบอกว่าวัยกลางคนคืออายุ 40 จะบอกว่า กูผ่านครึ่งชีวิตมานานแล้ว 555

#siamstr #pirateketo

Author Public Key
npub12q4tq25nvkp52sluql37yr5qn059qf3kpeaa26u0nmd7ag5xqwtscduvuh